วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

นิสัยเคยชินของสื่อ

ผมมีความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับการทำงานของนักข่าวและสื่อต่าง ๆ มาเป็นเวลานานแล้ว. สมัยที่ผมมาทำงานเป็นรองผู้อำนวยการเนคเทคนั้น ผมได้สังเกตพบว่า การเขียนข่าวหรือการลงข่าวต่าง ๆ ของสื่อนั้นไม่ค่อยตรงไปตรงมา. เรื่องที่เป็นข่าวนั้นมีลักษณะและข้อเท็จจริงอย่างหนึ่ง แต่เวลาออกมาเป็นข่าว กลับกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่นึกไม่ถึงว่าจะออกมาอย่างนั้นได้. ที่เป็นเช่นนี้เพราะนักข่าว (รวมทั้งหัวหน้าข่าว) จะพยายามคาดคะเนว่า เรื่องที่ได้ยินได้ฟังมานั้น หมายถึงอะไร. จากนั้นก็นำเรื่องที่คาดคะเนนั้นมาทำเป็นข่าว.
ยกตัวอย่างเช่น ผมเคยได้รับการสัมภาษณ์จากนักข่าวสาวคนหนึ่ง ซึ่งต้องการทราบทัศนะของผมเกี่ยวกับการสนับสนุนงานไอทีภาครัฐอย่างไร. ผมอธิบายพร้อมยกตัวอย่างที่เป็นปัญหาหลัก ๆ ที่ควรแก้ไขมาบอกเล่าให้นักข่าวทราบ. แต่พอลงเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ กลับมีการพาดหัวข่าวว่า "ครรชิตกินรังแตน". แน่นอนครับ ผมไม่พอใจและต่อว่านักข่าวสาวคนนั้นไป. ถัดจากนั้นผมก็ไม่เคยได้พบนักข่าวสาวคนนั้นอีกเลย.
คราวนี้ผมจะยกตัวอย่างของผู้ยิ่งใหญ่ระดับโลกมาให้เห็นภาพต่อไปว่า สื่อในอเมริกาก็ไม่แตกต่างไปจากไทยเลย. ผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นก็คือ ประธานาธิบดี โอบามา นี่เอง.
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมนี้เอง ประธานาธิบดี โอบามา ได้ไปกล่าวปราศรัยในพิธีรับปริญญาที่มหาวิทยาลัยแฮมป์ตันในเวอรจิเนีย. ในคำกล่าวนั้นท่านได้กล่าวถึงลักษณะและธรรมชาติของเทคโนโลยีที่เกิดจากระบบอินเทอร์เน็ตและเว็บว่ามีบทบาทอย่างไรบ้าง. ท่านกล่าวว่า...
"พวกคุณกำลังอยู่ในยุคของสิ่งแวดล้อมของสื่อที่ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ทุก 7 วัน เราล้วนถูกยัดเยียดให้รับเนื้อหาข่าวสารต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการโต้แย้งทุกเรื่องทุกประการ และ บางเรื่องนั้นก็ไม่ได้มีระดับความเป็นจริงสูงมากแต่อย่างใด. ในเมื่อเรามีทั้ง iPods และ iPads รวมทั้ง Xbox และ Plan Stations ซึ่งผมไม่รู้จักใช้สักอย่างเดียวนั้น เราก็พบว่าข่าวสารต่าง ๆ ล้วนแต่ทำให้ว่อกแว่ก และ เบี่ยงเบน เรื่องเหล่านี้มักเป็นเรื่องเพื่อความหรรษาเพลิดเพลินมากกว่าจะทำให้เราเกิดพลัง หรือ ปลดปล่อยให้เราเป็นอิสระจากพันธนาการทั้งหลาย. สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไปสร้างแรงกดดันให้พวกคุณเท่านั้น แต่ยังไปแรงกดดันแบบใหม่ต่อประเทศของเรา และ ต่อประชาธิปไตยของเราด้วย"
แม้ว่าผมจะเป็นนักไอทีมานานเกือบครึ่งศตวรรษ แต่ผมก็เห็นด้วยกับท่านโอบามา. ผมเห็นคนใช้เวลาพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องทางโทรศัพท์ในที่สาธารณะให้ได้ยินอย่างน่ารำคาญ, ได้เห็นเยาวชนลุ่มหลงเล่นเกม แทนที่จะใช้เวลาเสริมสร้างปัญญา. ลูกชายของอดีตพนักงานคนหนึ่งของผม ถึงกับขโมยเงินของครูเพื่อเอาไปเล่นเกม! เคเบิลทีวีมีแต่เรื่องน้ำเน่ามากกว่าเรื่องที่มีสาระสำหรับการพัฒนาจิตและพ้ฒนาชีวิต. รายการข่าว มีแต่เรื่องพูดไร้สาระและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างผิด ๆ. ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นก็เพราะ คอมพิวเตอร์นั่นเองที่ช่วยให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นได้โดยง่าย.
เกิดอะไรขึ้นกับสื่อในอเมริกา หลังจากได้ยินท่านประธานาธิบดีกล่าวคำปราศรัยเช่นนี้? ลองอ่านดูครับ...
สื่อรายหนึ่งพาดหัวข่าวว่า "Obama warns Grads of iPad Perils", อีกรายพาดว่า "iPad is Bad for Democracy, Obama tells Graduates".
พาดหัวแบบนี้ทำให้ เรื่องที่ผมเคยโมโห กลายเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยไปเลยครับ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น