ผมไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติทั้งในกรุงเทพฯ และ ต่างจังหวัดบ่อยมาก.  หากผมไปต่างจังหวัดและมีเวลาพอ  ก็จะหาทางไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเสมอ.  บางจังหวัดที่ผมมีโอกาสไปบ่อย  ผมก็ไปพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่จังหวัดนั้นบ่อยเหมือนกัน.
           การที่ผมได้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งช่าติบ่อย ๆ นั้น  ทำให้ผมพบประเด็นต่าง ๆ ที่อยากจะนำมาเล่าสู่กันฟังบ้าง.
           เรื่องแรกก็คือ  ในฐานะนักสารสนเทศ  ผมเห็นว่าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติมีสารสนเทศให้บริการน้อยมาก.  หลายแห่งมีแผ่นพับแจก  และมีหนังสือนำชมศิลปวัตถุในพิพิธภัณฑ์จำหน่ายด้วย.   อย่างไรก็ตาม  แผ่นพับที่แจกนั้นมีเนื้อหาน้อยมาก  และอาจจะไม่น่าดึงดูดให้เยาวชนสนใจพิพิธภัณฑ์มากนัก.  พิพิธภัณฑ์สถานหลายแห่งวางป้ายอธิบายผิดตำแหน่งที่ควรจะวางบ้าง,  พิมพ์คำอธิบายผิดบ้าง. หรือ แม้แต่แผ่นโปสเตอร์ขนาดใหญ่สำหรับอธิบายที่จ้างจัดทำมาอย่างดีเพื่อแขวนไว้ในพิพิธภัณฑ์ก็ยังมีที่ผิด.  พิพิธภัณฑ์นั้นเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญ   หากความรู้ที่ให้ผิดพลาดเสียแล้ว  เราจะเชื่อถือพิพิธภัณฑ์ได้อย่างไร?
            เรื่องที่สองก็คือ   พิพิธภัณฑ์ควรมีชีวิตและปรับเปลี่ยนการนำเสนอบ่อย ๆ เพื่อให้ผู้สนใจแวะเวียนกลับมาศึกษาหาความรุ้บ่อย ๆ.  ผมไปพิพิธภัณฑ์หลายจังหวัดหลายหน  ไปแต่ละครั้งก็แสดงแต่ของเดิม ๆ ไม่ได้มีการจัดนิทรรรศการหมุนเวียน.  ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติใน กทม. นั้นยังดีหน่อยที่มีการจัดนิทรรศการหมุนเวียนบ่อยครั้ง.  แต่ก็ควรหมุนเวียนออกไปต่างจังหวัดให้ได้บ่อยครั้งด้วย.
            เรื่องที่สามก็คือ  พิพิธภัณฑ์ในต่างประเทศนั้น  มีอาสาสมัครคอยอธิบายให้คนที่เข้าชมได้ทราบความเป็นมาของศิลปวัตถุหรือโบราณวัตถุในพิพิธภัณฑ์นั้น.  ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติใน กทม. ก็มีอาสาสมัครเหมือนกันครับ.  แต่อาสาสมัครที่ผมพบนั้นเป็นฝรั่ง  ซึ่งเขาก็ให้บริการแก่ผู้มาเยี่ยมชมที่เป็นฝรั่งด้วยกัน.  อาสาสมัครชาวไทยอาจจะมีก็ได้ แต่ผมยังไม่เห็น.   ผมคิดว่าเรื่องนี้ควรจัดให้เป็นกิจกรรมไปยังพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติทุกแห่ง.  ไม่ใช่ให้มีอาสาสมัครฝรั่งครับ.  ผมเสนอให้ใช้นักเรียนมัธยมนี่แหละมาทำงานนี้.  ประการแรกก็เพื่อให้นักเรียนเหล่านั้นรู้จักและเห็นความสำคัญของพิพิธภัณฑ์สถาน และ ประการที่สองก็จะทำให้เพื่อน ๆ ของอาสาสมัครตามมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กันด้วย.  เมื่อหลายวันที่ผ่านมา ผมไปชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จังหวัดปราจีนบุรี.  ผมเกิดความสงสัยเรื่องง่าย ๆ เกี่ยวกับการขุดค้นชุมชนโบราณแห่งหนึ่งที่ชลบุรีว่าเกิดเมื่อใด.  ปรากฏว่าคนที่เฝ้าห้องอยู่ตอบไม่ได้   เขาต้องไปอ่านข้อความที่อยู่ในตู้นิทรรศการอีกพักใหญ่  จึงหันมาบอกผมว่าเกิดเมื่อปีนั้น ๆ.  นี่ถ้าผมถามยากกว่านี้  เขาก็คงจะตอบไม่ได้  เพราะลำพังเนื้อหาที่แสดงอยู่เขายังไม่รู้เลยว่ามีอะไรบ้าง.    
             เรื่องที่สี่  ก็คือ  แต่ละครั้งที่ผมไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์นั้น  แทบจะไม่มีคนสนใจมาชมเลย.  มีครั้งเดียวที่มีคนแน่นพิพิธภัณฑ์  นั่นก็คือการจัดงานที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ บ้านเชียง  ซึ่งมีการจัดงานที่ชุมชนด้านนอกพิพิธภัณฑ์ควบคู่ไปด้วย.   ผมเห็นว่า  การที่คนไทยไม่เข้าไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาตินั้น  ก็คงเป็นเพราะปัญหาสามข้อข้างบนนั่นแหละครับ.  หากเราแก้ไขปัญหาสามข้อนี้ได้ และ เพิ่มการประชาสัมพันธ์มากขึ้นอีกหน่อย  ผมเชื่อว่าจะมีคนมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สถานกันมากขึ้น.
              ผมเคยไปชมพิพิธภัณฑ์พอล เกตตี้ ที่ลอส แองเจลิส มาแล้วสองหน.  ผมชอบตรงที่เขาเขียนรายละเอียดของศิลปะวัตถุในแต่ละห้องให้เราศึกษาอย่างละเอียดมาก.  อ่านแล้วได้ความรู้มาก.  ที่เยี่ยมมากก็คือ  ถ่ายภาพได้ด้วย. ที่อื่น ๆ เขาให้ถ่ายรูปได้ทั้งนั้นแล้ว แต่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของไทยยังไม่ยอมให้ถ่ายรูป.  ที่อียิปต์ก็ไม่ให้ถ่ายรูป เหมือนกัน. เรื่องนี้น่าจะเสนอให้แก้ไขได้แล้ว.  หากให้ถ่ายรูปได้ก็จะทำให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้มากขึ้น  หากต้องเอาสมุดมาคอยจดไปก็คงจะดูอะไรไม่ได้มากนัก.
              ผมเขียนเรื่องนี้  เพราะอยากชวนให้ไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์สถานกันมากๆ หน่อยครับ.  ค่าเข้าชมสำหรับคนไทยก็ถูกมากจริง ๆ  แต่สำหรับผมแล้วดูฟรี เพราะอายุเกินมามากแล้วครับ (ที่แปลกก็คือ  พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ บางแห่งก็ไม่ทราบว่า ผู้สูงอายุไม่ต้องเสียเงิน.  แต่ผมก็ยินดีจ่ายครับ.) 
ครรชิต
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
 

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น